1. กล้ามเนื้อตา

กล้ามเนื้อตาที่ปกติ จะต้องเห็นตาดำประมาณ 80-90% ในขณะที่ลืมตา หากมีเปลือกตาบนตกลงมาปิดตาดำมาก จำเป็นต้องผ่าตัดแก้ไขมัดกล้ามเนื้อตา ไม่สามารถผ่าตัดด้วยการทำตาสองชั้นเพียงอย่างเดียวได้ ต้องทำควบคู่กัน

2. ตำแหน่งและขนาดตาดำ

ตาดำควรจะมองเห็นขอบตาดำล่างทั้งหมด ส่วนบนจะถูกเปลือกตาดำบังนิดหน่อย จะถือว่าเป็นสัดส่วนที่ดี

3. ความหนาและความยืดหยุ่นของผิวเปลือกตา

เปลือกตาที่สวย ส่วนของเปลือกตาบนจะต้องเป็นเส้นโค้งแบบพระจันทร์เสี้ยว ถ้าวัดจากหัวตาไปหางตาจะต้องยกขึ้นสูงประมาณ 15 องศา ซึ่งเป็นส่วนที่แพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมในการรักษา เช่น การเย็บจุด การกรีดตา หรือการเอาไขมันออกมากน้อยเพียงไหน

4. ทิศทางของหางตา

หางตาชี้ขึ้น หรือตกลง

5. ลักษณะของหัวตา

หัวตาที่สวย ควรมองเห็นเนื้อหัวตาเป็นสีชมพู ตาขาวทางหัวตา ต้องมองเห็นน้อยกว่าในส่วนของหางตา

6. ระยะห่างของตาทั้งสองข้าง

ระยะห่างของดวงตา ให้เป็น 1:1:1 จะถือว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด และวัดจากบนลงล่าง สัดส่วนของความกว้างและยาวประมาณนี้หรือ 1:3 ก็จะเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด

7. การหลับตา

ก่อนผ่าตัดมีการหลับสนิทหรือไม่ เพราะบางกรณีจะไม่สามารถแก้ด้วยการทำตาสองชั้น

มี 3 รูปแบบ

• ชั้นตาแบบ In Fold คือ ชั้นตาของคนตะวันออก เราจะไม่สามารถเห็นจุดเริ่มต้นของเส้นชั้นตาได้ ชั้นตาจะค่อยๆเปิดเป็นธรรมชาติ เรียกอีกอย่างว่า ตาสองชั้นหลบใน เป็นตาที่ผู้ชายนิยมทำ
• ชั้นตาแบบ Out Fold คือ ชั้นตาของคนตะวันตก โดยจุดเริ่มต้นของเส้นชั้นตาจะอยู่สูงกว่าหัวตานิดหน่อย เส้นชั้นตาเปิดมาตั้งแต่หัวตาไล่มายังหางตา เหมาะกับคนที่ต้องการชั้นตาชัดๆ หรือที่เรียกว่าสายฝอ ซึ่งขนาดของชั้นตาสามารถดีไซน์ได้ว่าต้องการเล็ก กลาง หรือใหญ่
• ชั้นตาแบบ In-Out Fold คือ ชั้นตาจากหัวตาแบบเล็กๆ แล้วค่อยๆเพิ่มชั้นตาให้ใหญ่ขึ้น

การศัลยกรรมตาสองชั้น ไม่ใช่การเปลี่ยนโครงสร้างตาที่มีมาแต่กำเนิด แต่เป็นการผ่าตัดแก้ไขที่ทำให้ตาดูสวยขึ้น ดูโตขึ้นโดยที่ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับโครงสร้างตา ส่วนมากคนไข้จะอยากให้หมอทำให้ตาดูโตขึ้นด้วยการทำตาสองชั้น

แต่ถ้าพูดตามความจริงแล้ว การทำตาสองชั้นมันไม่ใช่การผ่าตัดที่สามารถทำให้ตาโตขึ้นมากกกว่าเดิมจากที่เรามีมาแต่เกิด โดยขอบเขตที่จะให้ตาโตได้นั้นก็จะแตกต่างกันไปตามดวงตาของแต่ละคนการผ่าตัด

การศัลยกรรมตาสองชั้น แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แบบเย็บจุด กับแบบกรีด

การทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบเย็บจุด คืออะไร ?

คือ การทำตาสองชั้น ที่ใช้ไหมเย็บโดยไม่มีการกรีดผ่าใดๆบนเปลือกตา ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องตัดไหม ฟื้นตัวได้ไว ชั้นตาเป็นธรรมชาติ

เหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่มีผิวหนังเปลือกตาบาง ไม่มีไขมันและไม่หย่อนคล้อย
• มีชั้นตาเดียว หรือมีชั้นตาที่ไม่ชัด
• ผู้ที่ไม่อยากมีรอยแผลกรีด และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
• ต้องการชั้นตาที่เป็นธรรมชาติ

แบบเย็บ 3 จุด

เป็นเทคนิคดั้งเดิม ที่ยังคงนิยมใช้ในปัจจุบัน

แบบเย็บ 5 จุด

เป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุด ได้ชั้นตาที่เรียบเนียน และคลายหลุดยาก

แบบเย็บ Double Lock

เทคนิคเย็บปมไขว้แน่นกับผิวเปลือกตา ทำให้เห็นรอยพับหนา ชัด และลึก ปมแน่นคลายหลุดยาก

การทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบเย็บกรีด คืออะไร ?

คือ การทำตาสองชั้น ที่ใช้การผ่ากรีดเปลือกตา เพื่อสร้างชั้นตา และนำไขมันส่วนเกินออก ให้ได้ชั้นตาชัดถาวร ไลน์ชั้นตาธรรมชาติ แก้ไขชั้นตาได้หลายแบบ

เหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่มีผิวหนังเปลือกตาหนา มีไขมันและหย่อนคล้อย
• ต้องการชั้นตาที่มีแนวเส้นชัดเจน
• ต้องการผลลัพธ์ที่ถาวรคงทน กว่าการเย็บจุด

ศัลยกรรมเปิดหัวตา คืออะไร ?

คือ การผ่าตัดกรีดบริเวณหัวตา เพื่อทำให้เห็นเนื้อสีชมพูตรงหัวตา และเส้นของชั้นตาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จะทำใน ในกรณีนี้ และมีระยะห่างกันมาก ในส่วนของ

เหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่มีหนังตายื่นลงมาคลุมหัวตามากผิดปกติ ที่เรียกว่า Mongolian Eye ซึ่งจะมองไม่เห็นเนื้อตาที่เป็นสีชมพู
• ระยะระหว่างตาสองข้าง ห่างกันมาก
• ตาขาวตรงหัวตา เมื่อเทียบกับหางตาแล้วจะดูแคบมากๆ ทำให้ตาดูดุ ดูอึดอัด ดูโกรธตลอดเวลา
• ผู้ที่ต้องการดวงตาที่โตขึ้นและชัดเจนขึ้น

ศัลยกรรมเปิดหางตา และดึงหางตาลง คืออะไร ?

คือ การผ่าตัดมุมหางตาด้านนอกและสร้างมิติให้กับดวงตา ทำให้ได้ตาที่ดูโตขึ้น ดูอ่อนโยน มีมุมตาที่สวยงาม

การเปิดหางตา จะทำให้ตาดูยาวขึ้น การดึงหางตาล่างลง จะช่วยให้ตาดูกว้างขึ้น โดยมากหมอจะทำ 2 อย่างนี้พร้อมกัน

เหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่มีระยะห่างระหว่างตาสองข้างน้อย
• มองเห็นตาขาวน้อย ทำให้ดูเหมือนตาเหล่
• ตาดูเอียงหรือเฉียงขึ้น
• ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปทรงตา หลังจากศัลยกรรมเปิดหัวตาไปแล้ว

ศัลยกรรมเย็บกล้ามเนื้อตา คืออะไร?

            คือ การผ่าตัดปรับหรือมัดกล้ามเนื้อตา ในคนที่มีเปลือกตาบนลงมาปิดตาดำมาก หรือที่เรียกว่ากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จำเป็นต้องทำไปพร้อมๆกับการทำตาสองชั้น ไม่สามารถแยกทำได้

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง มีลักษณะอย่างไร ?

            กล้ามเนื้อที่ใช้ในการลืมตามีความอ่อนแรง ทำให้มีหนังตาที่หย่อนคล้อย จึงจำเป็นต้องใช้คิ้วและหน้าผากในการลืมตา จะมองเห็นตาดำน้อยกว่า 80% หรือน้อยกว่า 2 mm ส่งผลให้ตาดูอ่อนล้า ดูง่วงนอน

3 วิธี ตรวจเช็คว่าเรา มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ด้วยตัวเอง

วิธีที่ 1 มองกระจกหน้าตรง หรือมองกล้อง ให้สายตาเรามองตรงไม่กดต่ำหรือเงยสูง แล้วสังเกตดวงตาของเรา ถ้ากลางตาดำกับเปลือกตาบนอยู่ชิดกันมาก หรือมันห่างกันน้อยกว่า 2 mm แสดงว่าคุณเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงค่ะ

วิธีที่ 2 ให้ลองกะพริบตาเบาๆ 10 วินาทีดู ถ้าลืมตาได้น้อยลง รู้สึกเหนื่อย เมื่อย หรือสุดท้ายลืมไม่ขึ้น แสดงว่ากล้ามเนื้อตาเราอ่อนแอกว่าปกติมาก มีโอกาสที่จะเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงสูง

วิธีที่ 3 หลับตา แล้วเอานิ้วชี้กดคิ้วแรงๆ ลองลืมตาในระหว่างที่กดคิ้วอยู่ หากลืมตาลำบาก หรือลืมไม่ขึ้น แสดงว่ามีโอกาสเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ศัลยกรรมตา สำหรับวัยกลางคน คืออะไร ?

            คือ การผ่าตัดแก้ไขหนังตาตก (Upper Blepharoplasty) และ ผ่าตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทำพร้อมกันก็ได้ เพื่อให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ขึ้น และไม่กระทบต่อการมองเห็น

ศัลยกรรมแก้ไขหนังตาตก (Upper Blepharoplasty) เหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่มีหนังตาตกมาก การมองเห็นบกพร่อง
• มีเปลือกตาที่หย่อนคล้อยมาก ดูแก่กว่าวัย
• หนังตาลงมาปิดมาก จนต้องเลิกคิ้วขึ้นตลอดเวลา
• ขนตาทิ่มลง ทำให้ระคายเคืองตา น้ำตาไหล

ศัลยกรรมถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) เหมาะกับใคร ?

• มีไขมันใต้ตา คล้ายถุงกาแฟ
• มีผิวใต้ตาที่หย่อนคล้อยมาก ดูแก่กว่าวัย
• มีรอยย่นที่ผิวบริเวณตาล่าง เนื่องจากอายุมากขึ้น

ศัลยกรรมยกกระชับคิ้ว คืออะไร ?

            คือ ทางเลือกหนึ่งสำหรับการแก้ไขปัญหาเปลือกตาหย่อนคล้อย สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทำตาสองชั้น หรือผู้ที่ต้องการรักษาเส้นตาสองชั้นเดิมไว้ การผ่าตัดมีแผลกรีดบนคิ้ว หรือใต้คิ้ว เพื่อดึงผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น 

ศัลยกรรมยกกระชับคิ้ว เหมาะกับใคร ?

• ผิวหนังเปลือกตาหย่อนคล้อย ดูเมื่อยล้า
• ต้องการกระชับผิวเปลือกตา โดยไม่ต้องการทำตาสองชั้น

การผ่าตัดมี 2 แบบ คือ

1. แบบผ่ากรีดเหนือคิ้ว

แนะนำทำในกรณีที่มีพื้นที่ช่องว่างระหว่างตากับคิ้วน้อย แต่ผลลัพธ์จะได้น้อยกว่าใต้คิ้ว

2. แบบผ่ากรีดใต้คิ้ว

หากมีพื้นที่ว่างเพียงพอ ระหว่างคิ้วกับตา แนะนำการกรีดใต้คิ้ว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าเนื่องจากมีแรงดึงมากว่า

นายแพทย์ธวัชชัย บุญพัฒนพงศ์ แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ประจำ รพ.ยันฮี เชี่ยวชาญด้านการปรับโครงสร้างจมูก และสไตล์การเสริมจมูกที่เน้นความโด่งเป็นธรรมชาติ ดูสวยละมุน รูปทรงสโลป ทันสมัย

นายแพทย์โชคชัย อมรสวัสดิ์วัฒนา แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ประจำ รพ.ยันฮี เชี่ยวชาญด้านการเสริมจมูก

1. อาการบวม เป็นอาการปกติที่พบได้หลังผ่าตัด ระยะเวลายุบบวมขึ้นอยู่กับเนื้อเยื่อของร่างกายแต่ละคน โดยเฉลี่ยจะบวมมากในช่วง 1- 2 สัปดาห์แรก และจะยุบลงเรื่อยๆจนเข้าที่ใน 3-6 เดือน

สิ่งที่มักจะกังวลและเข้าใจผิดกันมากๆ ในช่วงที่ยังมีการบวมคือ

• รู้สึกว่าชั้นตาไม่เท่ากัน เป็นผลมาจากตาข้างซ้ายกับขวายุบไม่เท่ากัน ซึ่งช่วงนี้จะยังไม่สามารถบอกแน่ชัดได้ว่าชั้นตาไม่เท่ากัน ต้องรอให้มีการยุบบวมลงอย่างเต็มที่ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน หากมีปัญหาจริง ศัลยแพทย์จะผ่าตัดแก้ไขให้ใหม่ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
• รู้สึกว่าชั้นตาสูงเกินไป เป็นผลมาจากความบวมนั่นเอง ซึ่งส่วนนี้ต้องรอยุบประมาณ 1-3 เดือน จะพอเห็นความสูงของชั้นตาจริงที่ศัลยแพทย์ทำได้

2. อาการช้ำเหลือง หรือม่วงบริเวณเปลือกตา และบริเวณข้างเคียง เป็นอาการปกติ ใช้เวลาหายประมาณ 1-2 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องรักษาเพิ่มเติม
3. อาการเลือดออกหลังผ่าตัด ในช่วง 1-2 วันแรก อาจมีเลือดซึมๆจากแผล ถือเป็นอาการปกติ แต่หากไหลไม่หยุด หรือไหลซึมมากกว่า 2 วัน ให้รีบแจ้งศัลยแพทย์ทราบ หรือเข้าไปตรวจก่อนวันนัดหมาย
4. อาการอักเสบ ติดเชื้อ เช่น อาการปวด บวม แดง ร้อน มีหนองหรือสารคัดหลั่งซึมจากแผล ให้รีบแจ้งศัลยแพทย์ทราบทันที หรือเข้าไปตรวจก่อนวันนัดหมายโดยด่วน

1. การงดยา และกลุ่มที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ดังนี้
   • งดกลุ่มยาที่มีผลต่อการหยุดเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน รวมถึงวิตามินอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย โสม และยาจีน เช่น เหล่งเอี๊ยง หยุนหนานไป๋เหย่า อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
   • งดยาละลายลิ่มเลือด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด แต่ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด ต้องแจ้งแพทย์เจ้าของไข้รับทราบและเห็นชอบก่อนหยุดยา
   • ผู้ที่มีโรคประจำตัว และทานยาประจำ เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไทรอยด์ ไม่ต้องหยุดยา ให้ทานได้ตามปกติ แต่ต้องแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบและนำยาติดตัวมาที่โรงพยาบาลด้วย
   • หากมีแพ้ยา แพ้อาหาร ต้องแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัย
2. สิ่งที่ต้องงดรับประทาน
   • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสติดเชื้อ และแผลที่อาจหายช้ากว่าปกติ
   • งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 6 ชม. รวมถึง ลูกอม หมากฝรั่ง ชา กาแฟ
3. การเตรียมร่างกาย
   • งดแต่งหน้า ทาครีม ในวันผ่าตัด
   • เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย และถอดออกสะดวก เช่น เสื้อมีฮู้ด หรือเสื้อเชิตติดกระดุม หลีกเลี่ยงพวกเสื้อยืดคอกลม เพราะหลังผ่าตัดอาจมีการติดเฝือกที่จมูก ทำให้ถอดยาก และอาจกระทบกระเทือนจมูกได้
   • ถอดเครื่องประดับ ของมีค่า ทุกชนิดก่อนเข้าผ่าตัด
   • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
4. อื่นๆ
   • เตรียมคนมารับกลับ เนื่องจากห้ามขับรถกลับเองเด็ดขาด
   • เตรียมเจลประคบเย็น นำเกลือล้างแผล ไม้พันสำลี หมอนรองคอ ไว้สำหรับใช้หลังผ่าตัด

1. เคล็ดลับทำแล้ว ลดอาการบวมและเลือดออกได้
   1. ประคบเย็นบริเวณจมูกให้มากที่สุด ในช่วง 3 วันแรก จะช่วยลดอาการบวมและเลือดออกหลังผ่าตัดได้ดี หลังจากนั้น หากมีรอยช้ำ จะประคบอุ่นหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากรอยช้ำจะหายไปได้เอง ภายใน 1-2 สัปดาห์
   2. นอนยกศีรษะสูง ช่วง 3 วันแรก หลังจากนั้นนอนหมอนปกติได้
   3. งดอาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
   4. ควรทานอาหารอ่อนๆ ช่วง 3 วันแรก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพื่อไม่ให้เกิดการแสบร้อน
2. เคล็ดลับทำแล้ว แผลดี ไม่มีอักเสบ
   1. ใช้ไม้พันสำลี เช็ดซับเลือดที่อาจซึมออกจากแผล ในช่วง 1-2 วันแรก งดใช้ทิชชู่ สำลี หรือผ้าเช็ด
   2. ใช้ไม้พันสำลี ชุบน้ำเกลือล้างแผล เช็ดทำความสะอาดแผล และป้ายยา ทุกวัน เช้า-เย็น จนกว่าจะไปตัดไหม
   3. งดล้างหน้าโดนน้ำ 5-7 วัน หรือตามคำแนะนำของศัลยแพทย์
3. เคล็ดลับทำแล้ว ตาสวยปัง
   • งดนอนคว่ำ นอนตะแคง 1 เดือน อาจใช้หมอนรองคอช่วย ไม่ให้เราเผลอนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า
   • งดการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้เลือดสูบฉีดใบหน้า เป็นเวลา 1 เดือน เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ชกมวย สามารถเดินออกกำลังกายเบาๆได้
   • ใส่แว่นตากันแดด เมื่อต้องออกมาข้างนอก เพื่อกันฝุ่นละออง ลม ที่อาจทำให้ระคายเคืองตาได้

กรณีนัดจองผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก ที่ประเทศไทย

1. นัดปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน หรือปรึกษาผ่านไลน์ได้
2. ควรจองวันผ่าตัดล่วงหน้า 1 เดือน เพื่อให้ได้วันผ่าตัดตามต้องการ กรณีช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว จะมีคนทำมาศัลยกรรมจำนวนมากมาก ควรจองวันผ่าตัดล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ในการจองสามารถแจ้งวันๆได้โดยไม่ต้องจ่ายมัดจำ
3. ก่อนวันผ่าตัด 1 วัน พยาบาลพี่โอ๋จะโทรคอนเฟริมนัดหมาย และเน้นย้ำเรื่องการเตรียมตัวมาผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น
4. ในวันผ่าตัด เมื่อมาถึงโรงพยาบาล พยาบาลพี่โอ๋จะเข้าไปให้บริการดูแลแบบ VIP ตลอดขณะปรึกษา ผ่าตัด หลังผ่าตัด และทุกครั้งที่พบหมอ ด้วยการประสานความเข้าใจระหว่างลูกค้า กับศัลยแพทย์ รวมถึงคอยดูแลรักษาผลประโยชน์ให้กับลูกค้าตลอดจนเสร็จสิ้นการรักษา ซึ่งไม่มีค่าบริการเพิ่มเติมใดๆ
5. หากต้องการเลื่อนนัด หรือยกเลิกนัด รบกวนแจ้งล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วัน เพื่อยกเลิกห้องผ่าตัด

กรณีนัดจองผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก ที่ประเทศเกาหลี

1. ปรึกษาผ่านไลน์หรือนัดปรึกษาได้ เพื่อพูดคุยเรื่องที่ลูกค้ารู้สึกกังวล พร้อมนำไปปรึกษาศัลยแพทย์ ทั้งราคาและรายละเอียดการผ่าตัด รวมถึงทางเลือกต่างๆให้ประกอบการตัดสินใจ และรอศัลยแพทย์ตอบกลับประมาณ 2 วันทำการ
2. จองวันผ่าตัด ควรจองวันผ่าตัดล่วงหน้า 1 เดือน
3. จองตั๋วเครื่องบินและที่พัก ทางเรามีบริการจองไฟล์ทบินที่เหมาะสมและที่พักใกล้เคียงให้โดยไม่มีบริการเพิ่มเติม
4. ในวันนัดหมาย จะได้พบศัลยแพทย์ เพื่อปรึกษาอย่างละเอียดโดยจะมีพยาบาลพี่โอ๋ และทีมงานล่ามอยู่กับลูกค้าตลอดขณะปรึกษา ผ่าตัด หลังผ่าตัดและทุกครั้งที่พบหมอ