ศัลยกรรมจากแพทย์ไทยและเกาหลี
ศัลยกรรมขากรรไกร
ราคาเริ่มต้นที่
ตัวเลือกศัลยกรรม
Length | 10 Days / 9 Nights in a 5 star hotel |
---|---|
Highlights | Sightseeing ● Air Tickets ● Private Travel Group |
Key Information | Discover 500 year-old history, Enjoy favorite activities, Flat & flexible riding |
อยากเสริมจมูกให้สวยปัง ตั้งแต่ครั้งแรก ต้องรู้ข้อมูลเหล่านี้ก่อน
จะเสริมจมูกทั้งที อย่าลืมหาข้อมูลเยอะๆ เพื่อความสวยจบตั้งแต่ครั้งแรก ไม่เกิดการแก้ไขซ้ำ สิ่งที่เราต้องรู้ไม่ใช่เพียงแค่หมอไหนทำสวย แต่ต้องหาข้อมูลให้ลึกเพื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีตรงใจ เช่น วิธีผ่าตัด วัสดุที่ใช้ เคสหลุด ความปลอดภัยต่างๆ การเตรียมตัวก่อนหลัง รวมถึงราคาที่คุ้มค่าต่อการเสริมจมูกของเรา
สามารถหาข้อมูลได้ตามนี้ค่ะ
เสริมจมูกมีกี่เทคนิค ? แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา?
เสริมจมูก มี 2 เทคนิค คือ แบบปิด (Closed Technique) กับแบบเปิด (Open Technique) มีความแตกต่าง และความจำเป็นในการผ่าตัดแต่ละแบบ ดังนี้
เทคนิค | ศัลยกรรมจมูกแบบปิด (Closed Technique) |
ศัลยกรรมจมูกแบบเปิด (Open Technique) |
---|---|---|
วิธีผ่าตัด | เป็นการเสริมความสูงตั้งแต่สันจมูกไปจนถึงปลายจมูก โดยซิลิโคนจะวางอยู่เหนือกระดูกอ่อน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโครงสร้างจมูก | เป็นการเสริมสันจมูกไปพร้อมการผ่าตัดตกแต่งแก้ไขโครงสร้างจมูก เพื่อให้ศัลยแพทย์เห็นปัญหาภายในได้ทั้งหมด และแก้ไขได้ถูกจุด |
ตำแหน่งเปิดแผล | แผลจะซ่อนอยู่ด้านในรูจมูกด้านหนึ่ง หรืออาจจะสองด้านแล้วแต่เทคนิคศัลยแพทย์ | เปิดแผลบริเวณใต้ฐานจมูก กรีดเป็นแนวดิ่ง อาจทำให้เห็นรอยแผลชัดในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปรอยจะจางลง จนแทบไม่เห็น |
เหมาะกับใคร | คนที่มีสันจมูกแบน ต้องการเสริมซิลิโคนอย่างเดียว หรืออาจเสริมปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังหูพร้อมกัน | คนที่มีปัญหาโครงสร้างจมูก ได้แก่ จมูกสั้น ทู่ ,งุ้มลง,คด,เอียง,เบี้ยว,สันจมูกนูนโก่ง,สันจมูกกว้าง หรือเคสในเคสแก้จมูก |
ขั้นตอนผ่าตัด | เปิดแผลบริเวณขอบรูจมูกประมาณ 1 ซม. เพื่อสร้างช่องว่างใต้เยื่อหุ้มกระดูก แล้วใส่แท่งซิลิโคนวางตามแนวสันจมูก อาจทำร่วมกับการรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู หรือเนื้อเยื่อเทียม | กรีดแผลใต้ฐานจมูกและกรีดเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก และทำการปรับแต่งโครงสร้างกระดูกจมูก จากนั้นวางวัสดุเสริมบริเวณสันจมูก เช่น ซิลิโคน กระดูกซี่โครง เนื้อเยื่อก้นกบ หรืออื่นๆที่ศัลยแพทย์แนะนำ ร่วมกับการตกแต่งปลายจมูก เช่น กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก เป็นต้น |
ข้อดี | ไม่มีแผลเป็นใดๆให้เห็น หลังผ่าตัดบวมช้ำน้อย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ไม่ต้องดมยาสลบ | เป็นวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาจมูกได้ถูกจุดมากที่สุด |
ระยะเวลาผ่าตัด | ประมาณ 45-60 นาที | ประมาณ 1-3 ชม. |
การระงับความรู้สึก | ใช้ยานอนหลับ ร่วมกับยาชา ไม่ต้องนอนแอดมิด เพียงแค่นอนพักหลังทำ 1 ชม.ก็กลับบ้านได้ | ใช้การดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ ต้องนอนแอดมิดที่โรงพยาบาล 1-2 คืนตามแพคเกจ |
ระยะเวลาพักฟื้น | บวมช้ำ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เข้าที่ 3-6 เดือน | บวมช้ำ 2-3 สัปดาห์ เข้าที่ 3-6 เดือน |
ความนิยม | เป็นเทคนิคที่นิยมในไทย แต่ไม่นิยมในเกาหลี | เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในเกาหลีและเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในไทย |
ราคา | เริ่มต้น 15,000 บาท (แล้วแต่การเลือกซิลิโคน) | เริ่มต้น |
ลักษณะปัญหาของจมูกแต่ละแบบ และการแก้ไข
แบ่งปัญหาเป็น 2 แบบ คือ ปัญหาที่สันแกนจมูกและปลายจมูก กับ ปัญหาที่โครงสร้างจมูก ลองตรวจเช็คดูว่า เรามีปัญหาแบบไหนกันนะคะ
ปัญหาที่สันแกนจมูกและปลายจมูก
- จมูกแบน ลักษณะรูจมูกจะดูกลมและบานออกไปข้างๆ ปลายจมูกดูไม่โด่ง แก้ไขโดยทำให้สูงหรือพุ่งขึ้น มักทำร่วมกับการศัลยกรรมปลายจมูก ทำให้ปลายดูเชิดและเรียวมากขึ้น เป็นการศัลยกรรมจมูกแบบทั่วไป ซึ่งสามารถใช้วิธีเสริมจมูกแบบปิดได้ (Closed Technique)
- จมูกทู่ ลักษณะคือ จมูกที่มีความแบนและปลายจมูกกว้างบานออกร่วมด้วย เนื่องจากมีเนื้อตรงปลายเยอะเกินไป หรือมีขนาดของกระดูกอ่อนปลายจมูกใหญ่มาแต่กำเนิด จมูกแบบนี้แก้ไขโดยการเสริมจมูกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique) เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างด้วย
- จมูกแบบลูกศร(จมูกงุ้ม) เป็นจมูกที่กระดูกอ่อนยาวเกินไป และชี้ลง การแก้ไขจะผ่าตัด open ลดความยาวของกระดูกอ่อนในส่วนปลายจมูกแล้วทำการดึงให้ปลายพุ่งขึ้น
- ปีกจมูก ที่มีปัญหาเนื้อปีกจมูกยื่นออกมาด้านข้าง ทำให้ดูบาน มีหลายวิธีแก้ไข อาทิ
-
- คนที่ปีกจมูกกว้าง ยาว และยื่นออกมาด้านข้างมากๆ หมอจะตัดปีกจมูกให้สั้นลง ตัดเนื้อส่วนที่ชิดกับฐานปีกจมูกออก แล้วดึงให้ชิดกัน จากนั้นเย็บด้วยไหม
- คนที่มีฐานแกนปีกจมูกกว้าง ทำให้ปีกจมูกดูใหญ่ หมอจะไม่ได้ตัดตรงส่วนปีกด้านข้างออกแต่จะตัดตรงฐานด้านใน เพื่อดึงให้ปีกจมูกขยับเข้าหากันมากขึ้น
ปัญหาที่โครงสร้างจมูก ที่ต้องทุบกระดูกให้แยกจากกัน แล้วทำการปรับแต่งรูปร่างของกระดูกใหม่
- กระดูกสันจมูกนูนโก่ง หรือที่เรียกว่า ฮัมพ์ (Hump nose) หากไม่แก้ไขตรงนี้แล้ววางซิลิโคนเลย ก็จะทำให้ซิลิโคนดูโดดออกมา หรือตัวซิลิโคนยึดกับแกนจมูกได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากกระดูกมันนูนโก่ง ซิลิโคนก็อาจเคลื่อนที่ หรือเบี้ยวได้ ดังนั้นคนที่มีฮัมพ์ ต้องเหลาออกก่อนจะเสริมจมูกในขั้นต่อไป
- กระดูกสันจมูกส่วนบนเว้า หรือต่ำกว่าตรงกลาง ตรงกลางจะนูนโก่งออกมามาก และปลายจมูกก็ทิ่มดิ่งล่าง หมอจะผ่าตัด 3 อย่าง คือ ตัดทุบกระดูกจมูก เสริมซิลิโคน และแก้ปลายดึงให้เชิดขึ้น
- กระดูกจมูกคดงอผิดรูป หมอจะผ่าตัดให้กระดูกแยกออกจากกันเป็นซ้ายกับขวา แล้วทำการปรับแต่งรูปร่างของกระดูกทั้งสองข้าง
- กระดูกจมูกที่มีสันกว้างเกินไป หมอจะผ่าตัดเลื่อนกระดูกซ้ายขวาให้มาชิดกัน
- จมูกที่ผ่านการเสริมมาแล้ว แต่ผลลัพธ์ไม่ดี เช่น ปลายจมูกไม่โด่งพอ สันที่สูงไปหรือต่ำไปซิลิโคนเบี้ยวเอียงปลายจมูกเชิดสูงเกินไป
วัสดุที่ใช้ในการเสริมสันจมูก
ซิลิโคน เป็นวัสดุที่ผลิตจากพลาสติคสังเคราะห์ ที่มีใช้กันจะมีทั้งแบบสำเร็จรูป และแบบเหลาเคสต่อเคส ทั้งนี้จะขอหยิบยกเอาวัสดุที่มีความนิยมมากสุดในการเสริมบริเวณสันจมูก มาพูดคุยกัน คือ ซิลิโคนแบบเหลาค่ะ
ซิลิโคนแบบเหลา สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ และไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหลังใส่ ส่วนอายุการใช้งานของซิลิโคนจะอยู่ไปได้ตลอดชีวิตไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือแก้ไข หากไม่มีปัญหา หรือต้องการเปลี่ยนทรง
ปัจจุบันซิลิโคนเสริมจมูกแบบเหลา ที่ได้รับความนิยมหลักๆมาจาก 3 ประเทศ ดังนี้
- ซิลิโคนจมูกญี่ปุ่น (Japan Silicone) : วัสดุเกรดมาตรฐานธรรมดา ตัวเนื้อจะมีสีออกเหลือง มีความแข็งปานกลาง เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกหนา สามารถเสริมให้โด่งมากๆได้โดยไม่เห็นขอบซิลิโคน ไม่เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกน้อย อาจเสี่ยงทะลุได้
- ซิลิโคนจมูกอเมริกา (USA Silicone) : วัสดุเกรดมาตรฐานพิเศษ ตัวเนื้อจะมีสีขาว เนียนละเอียด ความนิ่มปานกลาง คุณภาพดี มีความยืดหยุ่นดี เนื้อซิลิโคนที่ไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป ทำให้สามารถเหลาปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ เมื่อเสริมเป็นเวลานานจมูกยังคงรูป และไม่มีโอกาสยุบตัว เหมาะกับคนที่มีเนื้อสันจมูกค่อนข้างมาก หรือคนที่มีโครงจมูกยาว จะทำให้จมูกดูมีมิติ
- ซิลิโคนจมูกเกาหลี (Korea Silicone) : วัสดุเกรดมาตรฐานพรีเมียม ตัวเนื้อจะมีสีเหลือง หรือสีน้ำตาลแดง คุณภาพดีมาก ส่วนโคนและปลายจมูกจะนิ่มและมีความยืดหยุ่นสูง เป็นการเสริมจมูกที่ไม่ได้เน้นให้โด่งมากนัก แต่จะเน้นให้โด่งเป็นธรรมชาติได้รูปทรงสวย เหมาะกับคนที่เนื้อสันจมูกน้อย ปลายจมูกบาง เพื่อป้องกันการทะลุ ซึ่งมักใช้ซิลิโคนร่วมกับรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อน จะช่วยให้จมูกดูโด่งเป็นธรรมชาติ ซิลิโคนเกาหลี ไม่เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกเยอะและหนา
ลักษณะจมูก | ซิลิโคนญี่ปุ่น | ซิลิโคนอเมริกา | ซิลิโคนเกาหลี |
---|---|---|---|
เนื้อสันจมูกเยอะ หนา | |||
เนื้อสันจมูกน้อย | |||
ปลายจมูกบาง |
ซิลิโคนที่เหมาะสมกับลักษณะจมูก
วัสดุที่ใช้ในการเสริมปลายจมูก
การเสริมปลายจมูกจะเป็นตกแต่งปลายให้สวยขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่อง ปลายจมูกบาง เนื้อน้อย รวมถึงผู้ที่อยากได้รูปทรงจมูกที่มีความยาวขึ้น พุ่งขึ้น หรือมีปัญหาที่โครงสร้างจมูก การเสริมปลายจะตอบโจทย์ได้ดี ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้มีทางเลือกหลากหลาย แบ่งเป็น จากร่างกายตนเอง กับ จากโรงงานผลิต
กรณีที่นำมาจากร่างกายตนเอง อาทิ
- เสริมปลายด้วยกระดูกอ่อนของเรา แต่ส่วนที่นำมาใช้จะต้องไม่กระทบต่อการทำงานของร่างกาย เช่น
- กระดูกอ่อนด้านหลังหู แต่หลังหูจะทำให้รูปร่างใบหูเปลี่ยนไป ศัลยแพทย์ที่เกาหลีจะใช้กระดูกอ่อนด้านในหูแทน
- กระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก (Septum Cartilage) เป็นอีกที่ที่นิยมใช้
- กระดูกซี่โครง จะมีแผลประมาณ 1-2 เซนติเมตร
** ถ้าเรียงความอ่อนจะเป็น : กระดูกหลังหูอ่อนที่สุด ตามด้วยผนังกั้นจมูก และกระดูกอ่อนที่อยู่ตรงซี่โครงเราแข็งแรงที่สุด
- เสริมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อบริเวณก้นกบ เหมาะกับคนที่มีเนื้อตรงจมูกบาง กังวลว่าจมูกจะสะท้อนแสงจนเห็นเป็นแท่งซิลิโคน เราจะไม่เสริมด้วยกระดูก แต่จะเสริมด้วยเนื้อแทน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
กรณีที่ไม่ได้มาจากร่างกายเรา อาทิ
- กระดูกซี่โครงจากการบริจาค นำมาจากกระดูกอ่อนของผู้เสียชีวิต ผ่านกระบวนการตรวจสอบความเหมาะสมก่อนนำมาใช้ศัลยกรรม เหมาะกับคนที่ไม่สามารถผ่าตัดกระดูกซี่โครงได้ ก็เป็นวัสดุที่ใช้สำหรับคนที่ไม่อยากผ่านขั้นตอนเหล่านั้น
- Mesh เมื่อใส่เข้าไปในร่างกาย จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์กระดูกอ่อนเข้ามาแทนที่ จะสลายไปเองจึงนำมาใช้ทดแทนกระดูกอ่อนจากร่างกายได้
ตัวอย่างรีวิวศัลยกรรมจมูกในไทย
ค่าใช้จ่ายในการศัลยกรรมจมูกในไทย
รายการ | รพ.ยันฮี | รพ.มาสเตอร์พีช | รพ.เลอลักษณ์ |
---|---|---|---|
เสริมสันจมูกแบบ Close เคสทำครั้งแรก | 15,000- 28,000 บาท ตามประเภทซิลิโคน | ||
เสริมสันจมูกแบบ Close เคสแก้จมูก | 28,500-43,500 บาท | ||
รองปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังหู | 20,500 บาท | ||
ปรับโครงสร้างจมูก ใช้กระดูกอ่อนซี่โครง | 140,000 บาท | ||
เสริมจมูกแบบ Open รวมแต่งปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู | 70,000 บาท | ||
ตัดปีกจมูก | 15,000 บาท |
ตัวอย่างรีวิวศัลยกรรมจมูกในเกาหลี
ค่าใช้จ่ายในการศัลยกรรมจมูกในเกาหลี
รายการ | ราคาไทยโดยประมาณ |
---|---|
เสริมสันจมูกโอเพ่นพร้อมแต่งปลายจมูกกระดูกอ่อนหลังหู | 160,000 บาท |
แก้ไขจมูกยาว/ปลายจมูกยาว | 160,000 บาท |
แก้ไขจมูกแหงน แก้ไขจมูกอักเสบด้วยซี่โครงตัวเอง | 400,000 บาท |
แก้ไขเฉพาะปลายจมูก แก้ไขปลายจมูกตก | 135,000 บาท |
หมายเหตุ : ราคาไม่รวมที่พักที่ต้องอยู่เกาหลี 7 วัน และตั๋วเครื่องบินไปกลับ งบส่วนนี้ ประมาณ 50,000-60,000 บาท
เสริมจมูกมีกี่เทคนิค ? แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา?
เสริมจมูก มี 2 เทคนิค คือ แบบปิด (Closed Technique) กับแบบเปิด (Open Technique) มีความแตกต่าง และความจำเป็นในการผ่าตัดแต่ละแบบ ดังนี้
เทคนิค | ศัลยกรรมจมูกแบบปิด (Closed Technique) |
ศัลยกรรมจมูกแบบเปิด (Open Technique) |
---|---|---|
วิธีผ่าตัด | เป็นการเสริมความสูงตั้งแต่สันจมูกไปจนถึงปลายจมูก โดยซิลิโคนจะวางอยู่เหนือกระดูกอ่อน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโครงสร้างจมูก | เป็นการเสริมสันจมูกไปพร้อมการผ่าตัดตกแต่งแก้ไขโครงสร้างจมูก เพื่อให้ศัลยแพทย์เห็นปัญหาภายในได้ทั้งหมด และแก้ไขได้ถูกจุด |
ตำแหน่งเปิดแผล | แผลจะซ่อนอยู่ด้านในรูจมูกด้านหนึ่ง หรืออาจจะสองด้านแล้วแต่เทคนิคศัลยแพทย์ | เปิดแผลบริเวณใต้ฐานจมูก กรีดเป็นแนวดิ่ง อาจทำให้เห็นรอยแผลชัดในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปรอยจะจางลง จนแทบไม่เห็น |
เหมาะกับใคร | คนที่มีสันจมูกแบน ต้องการเสริมซิลิโคนอย่างเดียว หรืออาจเสริมปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังหูพร้อมกัน | คนที่มีปัญหาโครงสร้างจมูก ได้แก่ จมูกสั้น ทู่ ,งุ้มลง,คด,เอียง,เบี้ยว,สันจมูกนูนโก่ง,สันจมูกกว้าง หรือเคสในเคสแก้จมูก |
ขั้นตอนผ่าตัด | เปิดแผลบริเวณขอบรูจมูกประมาณ 1 ซม. เพื่อสร้างช่องว่างใต้เยื่อหุ้มกระดูก แล้วใส่แท่งซิลิโคนวางตามแนวสันจมูก อาจทำร่วมกับการรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู หรือเนื้อเยื่อเทียม | กรีดแผลใต้ฐานจมูกและกรีดเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก และทำการปรับแต่งโครงสร้างกระดูกจมูก จากนั้นวางวัสดุเสริมบริเวณสันจมูก เช่น ซิลิโคน กระดูกซี่โครง เนื้อเยื่อก้นกบ หรืออื่นๆที่ศัลยแพทย์แนะนำ ร่วมกับการตกแต่งปลายจมูก เช่น กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก เป็นต้น |
ข้อดี | ไม่มีแผลเป็นใดๆให้เห็น หลังผ่าตัดบวมช้ำน้อย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ไม่ต้องดมยาสลบ | เป็นวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาจมูกได้ถูกจุดมากที่สุด |
ระยะเวลาผ่าตัด | ประมาณ 45-60 นาที | ประมาณ 1-3 ชม. |
การระงับความรู้สึก | ใช้ยานอนหลับ ร่วมกับยาชา ไม่ต้องนอนแอดมิด เพียงแค่นอนพักหลังทำ 1 ชม.ก็กลับบ้านได้ | ใช้การดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ ต้องนอนแอดมิดที่โรงพยาบาล 1-2 คืนตามแพคเกจ |
ระยะเวลาพักฟื้น | บวมช้ำ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เข้าที่ 3-6 เดือน | บวมช้ำ 2-3 สัปดาห์ เข้าที่ 3-6 เดือน |
ความนิยม | เป็นเทคนิคที่นิยมในไทย แต่ไม่นิยมในเกาหลี | เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในเกาหลีและเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในไทย |
ราคา | เริ่มต้น 15,000 บาท (แล้วแต่การเลือกซิลิโคน) | เริ่มต้น |
ลักษณะปัญหาของจมูกแต่ละแบบ และการแก้ไข
แบ่งปัญหาเป็น 2 แบบ คือ ปัญหาที่สันแกนจมูกและปลายจมูก กับ ปัญหาที่โครงสร้างจมูก ลองตรวจเช็คดูว่า เรามีปัญหาแบบไหนกันนะคะ
ปัญหาที่สันแกนจมูกและปลายจมูก
- จมูกแบน ลักษณะรูจมูกจะดูกลมและบานออกไปข้างๆ ปลายจมูกดูไม่โด่ง แก้ไขโดยทำให้สูงหรือพุ่งขึ้น มักทำร่วมกับการศัลยกรรมปลายจมูก ทำให้ปลายดูเชิดและเรียวมากขึ้น เป็นการศัลยกรรมจมูกแบบทั่วไป ซึ่งสามารถใช้วิธีเสริมจมูกแบบปิดได้ (Closed Technique)
- จมูกทู่ ลักษณะคือ จมูกที่มีความแบนและปลายจมูกกว้างบานออกร่วมด้วย เนื่องจากมีเนื้อตรงปลายเยอะเกินไป หรือมีขนาดของกระดูกอ่อนปลายจมูกใหญ่มาแต่กำเนิด จมูกแบบนี้แก้ไขโดยการเสริมจมูกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique) เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างด้วย
- จมูกแบบลูกศร(จมูกงุ้ม) เป็นจมูกที่กระดูกอ่อนยาวเกินไป และชี้ลง การแก้ไขจะผ่าตัด open ลดความยาวของกระดูกอ่อนในส่วนปลายจมูกแล้วทำการดึงให้ปลายพุ่งขึ้น
- ปีกจมูก ที่มีปัญหาเนื้อปีกจมูกยื่นออกมาด้านข้าง ทำให้ดูบาน มีหลายวิธีแก้ไข อาทิ
-
- คนที่ปีกจมูกกว้าง ยาว และยื่นออกมาด้านข้างมากๆ หมอจะตัดปีกจมูกให้สั้นลง ตัดเนื้อส่วนที่ชิดกับฐานปีกจมูกออก แล้วดึงให้ชิดกัน จากนั้นเย็บด้วยไหม
- คนที่มีฐานแกนปีกจมูกกว้าง ทำให้ปีกจมูกดูใหญ่ หมอจะไม่ได้ตัดตรงส่วนปีกด้านข้างออกแต่จะตัดตรงฐานด้านใน เพื่อดึงให้ปีกจมูกขยับเข้าหากันมากขึ้น
ปัญหาที่โครงสร้างจมูก ที่ต้องทุบกระดูกให้แยกจากกัน แล้วทำการปรับแต่งรูปร่างของกระดูกใหม่
- กระดูกสันจมูกนูนโก่ง หรือที่เรียกว่า ฮัมพ์ (Hump nose) หากไม่แก้ไขตรงนี้แล้ววางซิลิโคนเลย ก็จะทำให้ซิลิโคนดูโดดออกมา หรือตัวซิลิโคนยึดกับแกนจมูกได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากกระดูกมันนูนโก่ง ซิลิโคนก็อาจเคลื่อนที่ หรือเบี้ยวได้ ดังนั้นคนที่มีฮัมพ์ ต้องเหลาออกก่อนจะเสริมจมูกในขั้นต่อไป
- กระดูกสันจมูกส่วนบนเว้า หรือต่ำกว่าตรงกลาง ตรงกลางจะนูนโก่งออกมามาก และปลายจมูกก็ทิ่มดิ่งล่าง หมอจะผ่าตัด 3 อย่าง คือ ตัดทุบกระดูกจมูก เสริมซิลิโคน และแก้ปลายดึงให้เชิดขึ้น
- กระดูกจมูกคดงอผิดรูป หมอจะผ่าตัดให้กระดูกแยกออกจากกันเป็นซ้ายกับขวา แล้วทำการปรับแต่งรูปร่างของกระดูกทั้งสองข้าง
- กระดูกจมูกที่มีสันกว้างเกินไป หมอจะผ่าตัดเลื่อนกระดูกซ้ายขวาให้มาชิดกัน
- จมูกที่ผ่านการเสริมมาแล้ว แต่ผลลัพธ์ไม่ดี เช่น ปลายจมูกไม่โด่งพอ สันที่สูงไปหรือต่ำไปซิลิโคนเบี้ยวเอียงปลายจมูกเชิดสูงเกินไป
วัสดุที่ใช้ในการเสริมสันจมูก
ซิลิโคน เป็นวัสดุที่ผลิตจากพลาสติคสังเคราะห์ ที่มีใช้กันจะมีทั้งแบบสำเร็จรูป และแบบเหลาเคสต่อเคส ทั้งนี้จะขอหยิบยกเอาวัสดุที่มีความนิยมมากสุดในการเสริมบริเวณสันจมูก มาพูดคุยกัน คือ ซิลิโคนแบบเหลาค่ะ
ซิลิโคนแบบเหลา สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ และไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหลังใส่ ส่วนอายุการใช้งานของซิลิโคนจะอยู่ไปได้ตลอดชีวิตไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือแก้ไข หากไม่มีปัญหา หรือต้องการเปลี่ยนทรง
ปัจจุบันซิลิโคนเสริมจมูกแบบเหลา ที่ได้รับความนิยมหลักๆมาจาก 3 ประเทศ ดังนี้
- ซิลิโคนจมูกญี่ปุ่น (Japan Silicone) : วัสดุเกรดมาตรฐานธรรมดา ตัวเนื้อจะมีสีออกเหลือง มีความแข็งปานกลาง เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกหนา สามารถเสริมให้โด่งมากๆได้โดยไม่เห็นขอบซิลิโคน ไม่เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกน้อย อาจเสี่ยงทะลุได้
- ซิลิโคนจมูกอเมริกา (USA Silicone) : วัสดุเกรดมาตรฐานพิเศษ ตัวเนื้อจะมีสีขาว เนียนละเอียด ความนิ่มปานกลาง คุณภาพดี มีความยืดหยุ่นดี เนื้อซิลิโคนที่ไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป ทำให้สามารถเหลาปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ เมื่อเสริมเป็นเวลานานจมูกยังคงรูป และไม่มีโอกาสยุบตัว เหมาะกับคนที่มีเนื้อสันจมูกค่อนข้างมาก หรือคนที่มีโครงจมูกยาว จะทำให้จมูกดูมีมิติ
- ซิลิโคนจมูกเกาหลี (Korea Silicone) : วัสดุเกรดมาตรฐานพรีเมียม ตัวเนื้อจะมีสีเหลือง หรือสีน้ำตาลแดง คุณภาพดีมาก ส่วนโคนและปลายจมูกจะนิ่มและมีความยืดหยุ่นสูง เป็นการเสริมจมูกที่ไม่ได้เน้นให้โด่งมากนัก แต่จะเน้นให้โด่งเป็นธรรมชาติได้รูปทรงสวย เหมาะกับคนที่เนื้อสันจมูกน้อย ปลายจมูกบาง เพื่อป้องกันการทะลุ ซึ่งมักใช้ซิลิโคนร่วมกับรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อน จะช่วยให้จมูกดูโด่งเป็นธรรมชาติ ซิลิโคนเกาหลี ไม่เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกเยอะและหนา
ลักษณะจมูก | ซิลิโคนญี่ปุ่น | ซิลิโคนอเมริกา | ซิลิโคนเกาหลี |
---|---|---|---|
เนื้อสันจมูกเยอะ หนา | |||
เนื้อสันจมูกน้อย | |||
ปลายจมูกบาง |
ซิลิโคนที่เหมาะสมกับลักษณะจมูก
วัสดุที่ใช้ในการเสริมปลายจมูก
การเสริมปลายจมูกจะเป็นตกแต่งปลายให้สวยขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่อง ปลายจมูกบาง เนื้อน้อย รวมถึงผู้ที่อยากได้รูปทรงจมูกที่มีความยาวขึ้น พุ่งขึ้น หรือมีปัญหาที่โครงสร้างจมูก การเสริมปลายจะตอบโจทย์ได้ดี ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้มีทางเลือกหลากหลาย แบ่งเป็น จากร่างกายตนเอง กับ จากโรงงานผลิต
กรณีที่นำมาจากร่างกายตนเอง อาทิ
- เสริมปลายด้วยกระดูกอ่อนของเรา แต่ส่วนที่นำมาใช้จะต้องไม่กระทบต่อการทำงานของร่างกาย เช่น
- กระดูกอ่อนด้านหลังหู แต่หลังหูจะทำให้รูปร่างใบหูเปลี่ยนไป ศัลยแพทย์ที่เกาหลีจะใช้กระดูกอ่อนด้านในหูแทน
- กระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก (Septum Cartilage) เป็นอีกที่ที่นิยมใช้
- กระดูกซี่โครง จะมีแผลประมาณ 1-2 เซนติเมตร
** ถ้าเรียงความอ่อนจะเป็น : กระดูกหลังหูอ่อนที่สุด ตามด้วยผนังกั้นจมูก และกระดูกอ่อนที่อยู่ตรงซี่โครงเราแข็งแรงที่สุด
- เสริมปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อบริเวณก้นกบ เหมาะกับคนที่มีเนื้อตรงจมูกบาง กังวลว่าจมูกจะสะท้อนแสงจนเห็นเป็นแท่งซิลิโคน เราจะไม่เสริมด้วยกระดูก แต่จะเสริมด้วยเนื้อแทน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
กรณีที่ไม่ได้มาจากร่างกายเรา อาทิ
- กระดูกซี่โครงจากการบริจาค นำมาจากกระดูกอ่อนของผู้เสียชีวิต ผ่านกระบวนการตรวจสอบความเหมาะสมก่อนนำมาใช้ศัลยกรรม เหมาะกับคนที่ไม่สามารถผ่าตัดกระดูกซี่โครงได้ ก็เป็นวัสดุที่ใช้สำหรับคนที่ไม่อยากผ่านขั้นตอนเหล่านั้น
- Mesh เมื่อใส่เข้าไปในร่างกาย จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์กระดูกอ่อนเข้ามาแทนที่ จะสลายไปเองจึงนำมาใช้ทดแทนกระดูกอ่อนจากร่างกายได้
แนะนำศัลยแพทย์ตัวท๊อป ในไทย
นายแพทย์ธวัชชัย บุญพัฒนพงศ์ แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ประจำ รพ.ยันฮี เชี่ยวชาญด้านการปรับโครงสร้างจมูก และสไตล์การเสริมจมูกที่เน้นความโด่งเป็นธรรมชาติ ดูสวยละมุน รูปทรงสโลป ทันสมัย
นายแพทย์โชคชัย อมรสวัสดิ์วัฒนา แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ประจำ รพ.ยันฮี เชี่ยวชาญด้านการเสริมจมูก
แนะนำศัลยแพทย์ตัวท๊อป ในเกาหลี
ผลข้างเคียงหลังผ่าตัดเสริมจมูก ที่อาจพบได้
- อาการบวม เป็นอาการปกติที่พบได้หลังผ่าตัด ระยะเวลายุบบวมขึ้นอยู่กับเนื้อเยื่อของร่างกายแต่ละคน โดยเฉลี่ยจะบวมมากในช่วง 1- 2 สัปดาห์แรก และจะยุบลงเรื่อยๆจนเข้าที่ใน 3-6 เดือน
สิ่งที่มักจะกังวลและเข้าใจผิดกันมากๆ ในช่วงที่ยังมีการบวมคือ
-
- รู้สึกว่าจมูกเบี้ยว เป็นผลมาจากจมูกข้างซ้ายกับขวายุบไม่เท่ากัน ซึ่งช่วงนี้จะยังไม่สามารถบอกแน่ชัดได้ว่าเบี้ยว ต้องรอให้มีการยุบบวมลงอย่างเต็มที่ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน หากมีปัญหาเบี้ยวเอียงจริง ศัลยแพทย์จะผ่าตัดแก้ไขให้ใหม่ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- รู้สึกว่าสันจมูกสูงเกินไป เป็นผลมาจากความบวมนั่นเอง ซึ่งส่วนนี้ต้องรอยุบประมาณ 1-3 เดือน จะพอเห็นความสูงของสันจมูกที่ศัลยแพทย์ทำได้
- อาการช้ำเหลือง หรือม่วงบริเวณใต้ตา และบริเวณข้างเคียง เป็นอาการปกติ ใช้เวลาหายประมาณ 1-2 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องรักษาเพิ่มเติม
- อาการเลือดออกหลังผ่าตัด ในช่วง 1-2 วันแรก อาจมีเลือดซึมๆจากแผล ถือเป็นอาการปกติ แต่หากไหลไม่หยุด หรือไหลซึมมากกว่า 2 วัน ให้รีบแจ้งศัลยแพทย์ทราบ หรือเข้าไปตรวจก่อนวันนัดหมาย
- อาการอักเสบ ติดเชื้อ เช่น อาการปวด บวม แดง ร้อน มีหนองหรือสารคัดหลั่งซึมจากแผล ให้รีบแจ้งศัลยแพทย์ทราบทันที หรือเข้าไปตรวจก่อนวันนัดหมายโดยด่วน
- อาการคันบริเวณรูไหม อาจเกิดขึ้นได้ในบางรายซึ่งไหมที่เย็บจะเป็นไหมละลาย แต่เมื่อครบ 1-2 สัปดาห์แล้ว ศัลยแพทย์จะนัดมาตรวจและตัดไหมให้เลยโดยไม่ต้องรอไหมละลายหมด หากมีอาการคัน หรือระคายเคือง สามารถใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดเบาๆบริเวณที่คัน ห้ามงัดแงะแกะเกาแผล โดยเด็ดขาด
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดี
- การงดยา และกลุ่มที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ดังนี้
- งดกลุ่มยาที่มีผลต่อการหยุดเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน รวมถึงวิตามินอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย โสม และยาจีน เช่น เหล่งเอี๊ยง หยุนหนานไป๋เหย่า อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- งดยาละลายลิ่มเลือด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด แต่ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด ต้องแจ้งแพทย์เจ้าของไข้รับทราบและเห็นชอบก่อนหยุดยา
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว และทานยาประจำ เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไทรอยด์ ไม่ต้องหยุดยา ให้ทานได้ตามปกติ แต่ต้องแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบและนำยาติดตัวมาที่โรงพยาบาลด้วย
- หากมีแพ้ยา แพ้อาหาร ต้องแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัย
- สิ่งที่ต้องงดรับประทาน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสติดเชื้อ และแผลที่อาจหายช้ากว่าปกติ
- งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 6 ชม. รวมถึง ลูกอม หมากฝรั่ง ชา กาแฟ
- การเตรียมร่างกาย
- งดแต่งหน้า ทาครีม ในวันผ่าตัด
- เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย และถอดออกสะดวก เช่น เสื้อมีฮู้ด หรือเสื้อเชิตติดกระดุม หลีกเลี่ยงพวกเสื้อยืดคอกลม เพราะหลังผ่าตัดอาจมีการติดเฝือกที่จมูก ทำให้ถอดยาก และอาจกระทบกระเทือนจมูกได้
- ถอดเครื่องประดับ ของมีค่า ทุกชนิดก่อนเข้าผ่าตัด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- อื่นๆ
- เตรียมคนมารับกลับ เนื่องจากห้ามขับรถกลับเองเด็ดขาด
- เตรียมเจลประคบเย็น นำเกลือล้างแผล ไม้พันสำลี หมอนรองคอ ไว้สำหรับใช้หลังผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมจมูก เพื่อความสวยปัง
- เคล็ดลับทำแล้ว ลดอาการบวมและเลือดออกได้
- ประคบเย็นบริเวณจมูกให้มากที่สุด ในช่วง 3 วันแรก จะช่วยลดอาการบวมและเลือดออกหลังผ่าตัดได้ดี หลังจากนั้น หากมีรอยช้ำ จะประคบอุ่นหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากรอยช้ำจะหายไปได้เอง ภายใน 1-2 สัปดาห์
- นอนยกศีรษะสูง ช่วง 3 วันแรก หลังจากนั้นนอนหมอนปกติได้
- งดอาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ควรทานอาหารอ่อนๆ ช่วง 3 วันแรก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพื่อไม่ให้เกิดการแสบร้อน
- เคล็ดลับทำแล้ว แผลดี ไม่มีอักเสบ
- ใช้ไม้พันสำลี เช็ดซับเลือดที่อาจซึมออกจากแผล ในช่วง 1-2 วันแรก งดใช้ทิชชู่ สำลี หรือผ้าเช็ด
- ใช้ไม้พันสำลี ชุบน้ำเกลือล้างแผล เช็ดทำความสะอาดแผล และป้ายยา ทุกวัน เช้า-เย็น จนกว่าจะไปตัดไหม
- งดล้างหน้าโดนน้ำ 5-7 วัน หรือตามคำแนะนำของศัลยแพทย์
- เคล็ดลับทำแล้ว จมูกปัง ไม่มีเบี้ยวเอียง
- งดนอนคว่ำ นอนตะแคง 1 เดือน อาจใช้หมอนรองคอช่วย ไม่ให้เราเผลอนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า
- งดการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมใดๆ ที่จะกระทบกระเทือนจมูกเป็นเวลา 1 เดือน เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ชกมวย เดินออกกำลังกายเบาๆได้
- หลีกเลี่ยงการใส่แว่นตา เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อไม่ให้จมูกได้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่างๆที่อาจเกิดขึ้นขณะสวมใส่แว่น แต่ถ้ามองไม่เห็นจริงๆ หรือมีเหตุจำเป็นที่ต้องใส่จริงๆ ก็สามารถใส่ได้ แต่ให้ระมัดระวังอย่าให้บาดเจ็บ
ขั้นตอนการจองศัลยกรรมจมูก
กรณีนัดจองผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก ที่ประเทศไทย
- นัดปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน หรือปรึกษาผ่านไลน์ได้
- ควรจองวันผ่าตัดล่วงหน้า 1 เดือน เพื่อให้ได้วันผ่าตัดตามต้องการ กรณีช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว จะมีคนทำมาศัลยกรรมจำนวนมากมาก ควรจองวันผ่าตัดล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ในการจองสามารถแจ้งวันๆได้โดยไม่ต้องจ่ายมัดจำ
- ก่อนวันผ่าตัด 1 วัน พยาบาลพี่โอ๋จะโทรคอนเฟริมนัดหมาย และเน้นย้ำเรื่องการเตรียมตัวมาผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น
- ในวันผ่าตัด เมื่อมาถึงโรงพยาบาล พยาบาลพี่โอ๋จะเข้าไปให้บริการดูแลแบบ VIP ตลอดขณะปรึกษา ผ่าตัด หลังผ่าตัด และทุกครั้งที่พบหมอ ด้วยการประสานความเข้าใจระหว่างลูกค้า กับศัลยแพทย์ รวมถึงคอยดูแลรักษาผลประโยชน์ให้กับลูกค้าตลอดจนเสร็จสิ้นการรักษา ซึ่งไม่มีค่าบริการเพิ่มเติมใดๆ
- หากต้องการเลื่อนนัด หรือยกเลิกนัด รบกวนแจ้งล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วัน เพื่อยกเลิกห้องผ่าตัด
กรณีนัดจองผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก ที่ประเทศเกาหลี
- ปรึกษาผ่านไลน์หรือนัดปรึกษาได้ เพื่อพูดคุยเรื่องที่ลูกค้ารู้สึกกังวล พร้อมนำไปปรึกษาศัลยแพทย์ ทั้งราคาและรายละเอียดการผ่าตัด รวมถึงทางเลือกต่างๆให้ประกอบการตัดสินใจ และรอศัลยแพทย์ตอบกลับประมาณ 2 วันทำการ
- จองวันผ่าตัด ควรจองวันผ่าตัดล่วงหน้า 1 เดือน
- จองตั๋วเครื่องบินและที่พัก ทางเรามีบริการจองไฟล์ทบินที่เหมาะสมและที่พักใกล้เคียงให้โดยไม่มีบริการเพิ่มเติม
- ในวันนัดหมาย จะได้พบศัลยแพทย์ เพื่อปรึกษาอย่างละเอียดโดยจะมีพยาบาลพี่โอ๋ และทีมงานล่ามอยู่กับลูกค้าตลอดขณะปรึกษา ผ่าตัด หลังผ่าตัดและทุกครั้งที่พบหมอ
คำถามที่พบบ่อย
ข้อมูลโดย หมอ Seok jun Lee,MD ศาสตราจารย์ ประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโซล